การดูแลทารกและคุณแม่หลังคลอด
ทุกวันนี้จะมีคุณพ่อ-คุณแม่มือใหม่ ออกมาเรื่อยๆซึ่งบางคู่ถ้ามีคนช่วยเลี้ยงก็สบายไป
แต่ถ้าไม่มีก็เหนื่อย เพราะสังคมทุกวันนี้หาเช้ากินค่ำเยอะ ดังนั้นบทความบทนี้ อาจจะเป็น
ประโยชน์แก่คุณพ่อคุณแม่มือใหม่ไม่มากก็น้อย
การดูแลทารกประจำวัน
การอาบน้ำ :
อาบด้วยน้ำอุ่น ควรอาบเสร็จภายใน 5-7นาที ในที่ลมไม่โกรก อาบวันละ 2 ครั้ง
และสระผมวันละครั้ง ไม่ควรอาบน้ำ ทันที หลังให้นม
การขับถ่าย :
การถ่ายปัสาวะ หลังถ่ายให้เปลี่ยนผ้าอ้อมทุกครั้ง ถ้าปล่อยไว้นานทารกจะตัวเย็น
การถ่ายอุจจาระ ทารกที่กินนมแม่จะถ่ายบ่อย
มีสีเหลือง จะมีเม็ดเล็กๆคล้ายเม็ดมะเขือ เพราะนมแม่ย่อยง่าย ช่วยระบายท้อง
การทำความสะอาดก้น เช็ดด้วยสำลีชุบน้ำสะอาด
เช็ดจากบนลงล่าง ห้ามเช็ดกลับไปกลับมา
การดูแลสะดือทารก :
สะดือจะหลุดภายใน 7 - 14 วัน ดูแลให้โคนสะดือ และสะดือ แห้ง เสมอ
เช็ดด้วยไม้พันสำลีชุบแอลกอฮอล์ วันละ 3 ครั้ง เมื่อสะดือใกล้จะหลุดจะมีเลือดออก
ห้ามใช้แป้งและยาโรยสะดือ
การให้นมบุตร :
ให้ลูกดูดนมแม่ทุก 2 ชั่วโมง ไม่ต้องให้น้ำตาม เพราะนมแม่มีน้ำเพียงพอ ดูการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่
การทำความสะอาดเสื้อ
ผ้าอ้อม : ซักด้วยสบู่เด็ก หรือน้ำยาซักผ้าเด็ก
ควรแยกซักจากของผู้ใหญ่
ภาวะปกติในทารกแรกเกิด
การสะดุ้งหรือผวา
:
เวลามีเสียงดัง หรือเวลาสัมผัส แสดงถึงระบบประสาทที่ปกติ จะพบได้ในทารกที่นอนหลับสนิท
และจะพบได้จนอายุ 6 เดือน
การบิดตัว :
ทารกคลอดครบกำหนด มีการเคลื่อนไหวเวลานอนคล้ายผู้ใหญ่บิดขี้เกียจ
ทารกจะยกแขนเหนือศีรษะ งอเข่า ตะโพก และข้อเข่า และบิดตัว พบได้ในทารกที่ปกติ
ไม่ใช่เกิดจากการชักบิดผ้าอ้อม
การสะอึก :
เกิดจากทารกดูดนมมาก และเร็ว ทำให้กระเพาะอาหารขยายใหญ่ ดันกระบังลม ทำให้สะอึก
วิธีแก้ไข โดยไล่ลมในท่านั่ง หรืออุ้มพาดบ่า นาน 5 -5 10 นาที
การแหวะนม :
ทารกแรกเกิด หูรูดกระเพาะอาหารยังทำงานได้ไม่ดี เมื่อดูดนมและดูดกลืนอากาศเข้าไป
ทำให้แหวะนมหลังให้นม
วิธีแก้
ไล่ลมบ่อยระหว่างให้นมลูก โดยอุ้มให้นั่งหรือ อุ้มพาดบ่าหลังให้นม
หรือให้นอนศีรษะสูงเล็กน้อย และนอนตะแคงขวานาน ครึ่งชั่วโมง
ผิวหนังลอก : จะเกิดขึ้นหลังอายุ 1 - 2 วัน
จะหายไปราว 2 - 3 วันโดยไม่ต้องให้การรักษา
ลิ้นขาว : ให้มารดาใช้สำลีชุบน้ำต้มสุก
พันนิ้วก้อยให้แน่น เช็ดลิ้นทารกวันละครั้ง ห้ามใช้ผ้าอ้อมเปื้อน ปัสสาวะเช็ดลิ้น
มีมูกหรือเลือดออกทางช่องคลอด :
จะออกใน 3 - 5 วันหลังคลอด และหายไปภายในสองสัปดาห์ เกิดจากฮอร์โมนเอสโตรเจนจากแม่ ที่ผ่านไปยังทารกเมื่ออยู่ในครรภ์ และระดับฮอร์โมนลดลงหลังคลอด
ผื่นผ้าอ้อม :
ผิวหนังมีสีแดงหรือตุ่มหนองเล็กๆ เกิดจากการระคายเคือง จากสิ่งของที่มาสัมผัสเช่น
ความชื้นจากการสัมผัสปัสสาวะ อุจจาระนานเกินไปหรือการคั่งค้างของน้ำยาซักผ้าอ้อมการป้องกัน ดูแลให้ผิวหนังแห้ง อย่าปล่อยให้แช่ปัสสาวะ อุจจาระ ต้องล้างแล้วเช็ดให้แห้งและเปลี่ยนผ้าอ้อมทันที
การมีจุดขนาดเล็กสีขาวนวล
:
บริเวณจมูก ริมฝีปากและแก้ม จะหายไปเองหลังคลอด 1 - 2 สัปดาห์
การถ่ายอุจจาระบ่อย
:
ทารกแรกเกิดที่เลี้ยงลูกด้วยนมแม่อย่างเดียว อาจถ่ายอุจจาระบ่อย กะปริดระปรอย
อาจถ่ายอุจจาระได้ถึง 10 - 20 ครั้งต่อวัน เพราะน้ำนมแม่ ย่อยง่ายและมีน้ำนม
หลืองเจือปน ซึ่งจะช่วยระบายท้อง
การไม่ถ่ายอุจจาระทุกวัน
: ภายหลังคลอด4สัปดาห์ น้ำนมแม่จะเป็นน้ำนมแท้ ไม่มีน้ำนมเหลืองเจือปน
เนื่องจากนมแม้ย่อยง่าย ทำให้เหลือกากน้อย ทารกที่ดูดนมแม่อาจไม่ถ่ายทุกวัน
ท้องผูก
: หมายถึงการถ่ายอุจจาระเป็นก้อนแข็งทั้งกอง อาการท้องผูกพบบ่อยในทารก
ที่เลี้ยงด้วยนมผสม และชงนมไม่ถูกสัดส่วน อาจจางหรือข้นเกินไป
หรือให้นมไม่เหมาะสมกับวัย เช่นให้นมสำหรับเด็กโตแก่ทารก
ที่กล่าวมาทั้งหมดยังเป็นเพียงแค่เริ่มต้นของการเป็นคุณพ่อคุณแม่มือใหม่ ยังมีการดูแลที่มากไปกว่านี้อีกทุกครั้งที่เกิดปัญหา
คุณแม่ต้อง
ใจเย็นๆส่วนคุณพ่อต้องดูแลคุณแม่หาอาหารที่มีประโยชน์มาให้คุณแม่ทาน
อาหารที่คุณแม่ทานจะไปเป็นน้ำนมให้ลูกดูดกิน ดังนั้นสาร
อาหารที่คุณแม่ได้ลูกก็จะได้ตาม...
อาหารที่คุณแม่ควรรับประทานช่วงให้นมลูก
เพื่อให้นมแม่มีคุณค่าแก่ลูกมากที่สุดหลังคลอดแม่ควรรับประทานอาหารที่หลากหลาย คือ มีข้าว เนื้อสัตว์ อาหารทะเล ผักผลไม้ และนมวัวอีกอย่างน้อยวันละ 3 แก้ว เพราะการรับประทานอาหารที่ครบทุกหมู่เหล่านี้ก็เพื่อให้น้ำนมแม่มีสารอาหารต่างๆ ทั้งเกลือแร่และวิตามินต่างๆ ครบถ้วน
นอกเหนือจากภูมิต้านทานสำหรับต่อสู้เชื้อโรคต่างๆ ที่มีมากมายโดยที่ไม่พบในนมผสมเลย
ปลา
เป็นที่ทราบกันดีว่าปลาชนิดนี้จะมีกรดไขมันที่เรียกว่า Docosahexaenoic acid หรือ DHA
หรือที่เรียกว่าน้ำมันปลา
กรดไขมันชนิดนี้จะมีประโยชน์ในการพัฒนาของเซลล์สมองของเด็กและมีผลดีต่ออารมณ์ของตัวคุณแม่ แต่ต้องระวังปลาบางชนิดที่มีสารปรอทเจือปนสูงสำหรับปลาน้ำจืดที่มีโอเมกา 3 สูงได้แก่ ปลาสวายเนื้อขาว และปลาช่อน
ผลิตภัณฑ์นมพร่องมันเนย
ผลิตภัณฑ์นมพร่องมันเนยจะมีโปรตีน
วิตามินบี วิตามินดี
และเป็นแหล่งที่ให้แคลเซี่ยมแก่ร่างกายเพื่อสร้างกระดูกเด็กและ
ป้องกันกระพรุนสำหรับตัวคุณแม่ โดยทั่วไปแนะนำให้ดื่มประมาณสามแก้วต่อวัน
ตอนตั้งท้องคุณแม่ต้องการพลังงานมากขึ้นกว่าปกติวันละ 300 กิโลแคลอรี หลายคนคิดว่าหลังคลอดแล้วร่างกายก็คงกลับไปต้องการพลังงานเหมือนปกติ แต่จริง ๆ ไม่ใช่เลยค่ะเพราะช่วงนี้ คุณแม่ต้องการพลังงานเพิ่มขึ้นจากช่วงท้องอีกเสียด้วยซ้ำ
หลังคลอดร่างกายของคุณแม่ต้องการพลังงานมากกว่าตอนขณะตั้งครรภ์ 500
กิโลแคลอรีต่อวันค่ะ พลังงานที่เพิ่มขึ้นนี้จะถูกนำไปใช้สร้างน้ำนม
และชดเชยพลังงานที่เสียจากการคลอด
เพราะฉะนั้นอาหารที่มีคุณค่าทางโภชนาการนี่แหละค่ะ
จะช่วยให้แม่หลังคลอดฟื้นตัวได้เร็วขึ้น ช่วยซ่อมแซมให้ร่างกายแข็งแรง
มีภูมิต้านทานโรค ลดอาการอ่อนเพลียจากการสูญเสียเลือดและน้ำขณะคลอดได้
เรามาดูกันว่าอาหารชนิดใดบ้างจะช่วยให้คุณแม่กลับมาสดชื่น
ที่สำคัญช่วยลดปัญหาต่าง ๆ ที่จะตามมาตอนหลังคลอดได้ด้วย
โปรตีน
ธาตุเหล็ก วิตามินซี
ที่มา :
เกิดจากร่างกายสูญเสียเลือดและน้ำ รวมไปถึงความเครียดและความเมื่อยล้าขณะคลอด
อาหารแนะนำ : อาหารที่มีโปรตีนและธาตุเหล็กสูง
เพื่อช่วยสร้างเม็ดเลือดทดแทนที่ร่างกายต้องสูญเสียไป
ธาตุเหล็กช่วยบำรุงเลือด ป้องกันภาวะโลหิตจาง ทำให้มีกำลัง ไม่อ่อนเพลีย
มีมากในเครื่องในสัตว์ ไข่แดง เนื้อแดง ผักสีเขียวเข้มและงา
วิตามินซี
ช่วยให้ร่างกายดูดซึมธาตุเหล็กได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น
จึงควรกินธาตุเหล็กพร้อมกับผักผลไม้สดที่มีวิตามินซี
น้ำนมน้อย
ที่มา :
ส่วนหนึ่งเกิดจากร่างกายได้รับพลังงานอาหารไม่เพียงพอ
หรือได้รับสารอาหารไม่ครบถ้วน ในระยะให้นมลูกพลังงานที่ต้องการเพิ่มขึ้นนั้น
ถูกนำมาสร้างเป็นน้ำนม
อาหารแนะนำ : อาหารทั้ง 5 หมู่
เพื่อให้มีพลังงานเพียงพอเพื่อใช้สำหรับผลิตน้ำนม
โปรตีน
ถ้าร่างกายได้รับโปรตีนไม่เพียงพอก็ทำให้ปริมาณน้ำนมน้อย สำหรับแคลเซียม
ซึ่งต้องการเพิ่มขึ้น 1,500 มิลลิกรัมต่อวันเนื่องจากในน้ำนมแม่เฉลี่ย 100
มิลลิลิตรมีแคลเซียม 30 มิลลิกรัม ถ้าแม่ได้แคลเซียมไม่เพียงพอ
ระดับแคลเซียมในน้ำนมจะคงอยู่เท่าเดิม โดยการดึงแคลเซียมจากกระดูกแม่มาทดแทน
ดังนั้น จึงต้องรับประทานอาหารที่มีแคลเซียมสูงเพื่อป้องกันการสูญเสีย
แคลเซียมจากกระดูกแม่นั่นเอง เช่น การดื่มนมอย่างน้อยวันละ 1–2 แก้ว, การรับประทานเต้าหู้หรือผลิตภัณฑ์จากถั่วเหลือง
หรือปลาที่รับประทานทั้งกระดูกได้จะช่วยเพิ่มแคลเซียมได้ดียิ่งขึ้น
น้ำสะอาด
ที่มา :
ร่างกายสูญเสียน้ำหรือดื่มน้ำน้อย
อาหารแนะนำ : ดื่มน้ำเพิ่มขึ้น นอกจากน้ำดื่มแล้ว อาจดื่มน้ำผลไม้สด
น้ำสมุนไพร น้ำซุป รวมกันแล้วให้ได้วันละ 8-10 แก้ว
แนะนำให้ดื่มน้ำอุณหภูมิห้องหรือน้ำอุ่น
การดื่มน้ำอย่างพอเพียงจะทำให้สดชื่น ลดอาการอ่อนเพลีย ผิวพรรณชุ่มชื้น
ช่วยให้การหลั่งน้ำนมดีขึ้น แต่ควรหลีกเลี่ยงเครื่องดื่มที่หวานจัด
เพราะจะทำให้น้ำหนักตัวเพิ่มขึ้นค่ะ
ใยอาหาร
วิตามิน ไขมัน น้ำ
ที่มา :
การเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมน ทำให้ลำไส้บีบตัวช้าลง ดื่มน้ำน้อย
และรับประทานอาหารที่มีกากใยน้อย
อาหารแนะนำ : ควรรับประทานผัก ผลไม้ ที่นอกจากจะมีวิตามิน แร่ธาตุต่างๆ
แล้ว ใยอาหารในผักผลไม้ยังช่วยให้การขับถ่ายง่ายขึ้น
ผักบางชนิดมีฤทธิ์ช่วยให้เลือดลมไหลเวียนดี ทำให้สบายตัว ไม่อึดอัดแน่นท้อง
และช่วยเพิ่มน้ำนม เช่น ขิง ใบกะเพรา ใบแมงลัก เป็นต้น ในแต่ละวัน
ควรรับประทานผักผลไม้หลากหลายสีเพื่อให้ได้แร่ธาตุครบถ้วน
ควรมีส่วนผสมของน้ำมันในอาหารจานผัก เพื่อที่ร่างกายจะได้ดูดซึมวิตามิน เอ
อี ดี เค ได้ดียิ่งขึ้น
อย่าลืมดื่มน้ำให้ได้วันละ 8- 10 แก้วนะคะ น้ำช่วยให้อุจจาระมีความอ่อนนุ่ม
ขับถ่ายง่าย
เจ็บแผลผ่าตัดหรือที่ฝีเย็บ
: โปรตีน วิตามินซี
ที่มา :
ปกติการคลอดบุตรทำให้ฝีเย็บแยกจากกัน แผลที่ฉีกขาดหรือแผลที่เย็บมักมีการบวมแดง
เนื่องจากผิวหนังดึงรั้งกันทำให้เจ็บแผล การกินอาหารโปรตีนสูงจะช่วยสมานแผลได้เร็ว
อาหารแนะนำ : การรับประทานอาหารที่มีโปรตีนสูงๆ เช่น เนื้อสัตว์ ไข่ นม
ถั่วเมล็ดแห้ง เต้าหู้ ทำให้ร่างกายสามารถปรับคืนสู่สภาวะปกติได้เร็วขึ้น
ที่เป็นเช่นนี้เพราะโปรตีนซึ่งเป็นสารอาหารหลักที่ได้จากเนื้อสัตว์
ทำหน้าที่ช่วยในการส่งเสริมภูมิคุ้มกัน สร้างเนื้อเยื่อ ทำให้แผลหายเร็วขึ้น
ส่วนวิตามินซีจากผักผลไม้ ช่วยเสริมสร้างความแข็งแรงของเนื้อเยื่อโปรตีน
และซ่อมแซมส่วนที่สึกหรอ เมื่อแผลหายเร็ว อาการเจ็บแผลก็จะลดน้อยลง
ผมร่วง
: แร่ธาตุ ไขมัน
ที่มา :
ผมร่วงอาจเกิดจากภาวะเครียด การเปลี่ยนแปลงตามธรรมชาติของฮอร์โมนช่วงหลังคลอด
ทำให้เส้นผมหยุดเจริญเติบโตชั่วคราว
หรือการรับประทานอาหารไม่สมดุลก็ทำให้เกิดอาการนี้ได้
อาหารแนะนำ : ควรรับประทานอาหารที่มีแร่ธาตุสังกะสี ธาตุเหล็ก แมงกานีส
กำมะถัน ไอโอดีน ไบโอติน โอเมก้า 3 เพิ่ม อาหารที่มีประโยชน์กับเส้นผม ได้แก่
หอยนางรม อาหารทะเล ปลา ตับสัตว์ ไข่แดง ข้าวสาลี ข้าวโอ๊ต ข้าวซ้อมมือ แครอต
หัวปลี ถั่วลิสง เมล็ดทานตะวัน มะพร้าว มะตูม คะน้า กะหล่ำดอก กะหล่ำปลี กล้วย
สับปะรด องุ่น ส้ม สาหร่ายทะเล
ปวดเมื่อย : แคลเชียม เกลือแร่ วิตามินบี
ที่มา :
อาจเนื่องมาจากระหว่างการคลอดมีการบิดเกร็ง หรืออยู่ในท่าเดียวนานๆ
การให้นมลูกอาจทำให้ต้องอุ้มลูกเกิดการเมื่อยล้า หรือกลัวลูกตื่นไม่กล้าขยับตัว
ภาวะเครียดก็ทำให้เกิดอาการปวดเมื่อยได้
อาหารแนะนำ : การกินอาหารโปรตีน ธัญพืชไม่ขัดสี เนื้อแดง
ทำให้ได้แคลเซียมและวิตามินบี
เมื่อกล้ามเนื้อมีการหดหรือเกร็ง แคลเซียมจะทำให้กล้ามเนื้อคลายตัว
วิตามินบีทำให้ปลายประสาททำงานได้ดี ส่วนการดื่มน้ำสมุนไพรต่างๆ เช่น น้ำขิง
น้ำตะไคร้ หรือการปรุงอาหารด้วยเครื่องเทศ สมุนไพร จะช่วยปรับสมดุลของร่างกาย
ทำให้กระปรี้กระเปร่า ลดอาการเครียด
กระตุ้นระบบการไหลเวียนโลหิตให้เดินสะดวกและรักษาอุณหภูมิในร่างกาย
อาหรทุกอย่างที่จะนำมารับประทานนั้น
จะต้องผ่านการทำความสะอาดให้มากที่สุดเท่าที่ทำได้
ของดิบก็ต้องให้สุก เพื่อความปลอดภัยทั้งคุณแม่และลูกน้อย
ประเภทอาหารทีต้องห้ามทานหลังคลอดบุตร
·
อาหารแปรรูปทั้งหลาย รวมไปถึงอาหารประเภท ขนมเค้ก เบเกอรี่ ต่างๆ
ซึ่งมีสัดส่วนไขมันค่อนข้างสูง ทำให้เอ็นไซม์ทำงานลดลง
อีกทั้งรบกวนการสร้างไขมันที่จำเป็นต่อการเจริญเติบโตของทารก
และมีผลต่อคุณภาพของน้ำนมแม่ที่จะให้ลูกด้วย
·
ผักบางชนิดที่มีแก๊สมาก เช่น กะหล่ำปลี ดอกกะหล่ำ หากกินมากไปก็อาจจะทำให้ลูกท้องอืดแน่นเฟ้อได้เช่นกัน
·
อาหารหมักดองต่างๆ เพราะอาจทำให้ท้องเสียได้
ทางที่ดีควรกินผักผลไม้สดๆ ดีกว่า
·
อาหารที่รสเผ็ดจัด ซึ่งจะต่างจากอาหารที่ประกอบด้วยสมุนไพรที่มีรสร้อน
เช่น กะเพรา ขิง พริกไทย ที่ช่วยบำรุงน้ำนม ซึ่งคุณแม่บางท่านอาจเข้าใจผิดคิดว่า
ยิ่งกินเผ็ดน้ำนมจะได้ไหลดี ความจริงแล้วไม่ใช่ เพราะอาหาร "เผ็ด" กับ
อาหาร "รสร้อน" แตกต่างกัน ดังนั้น เวลากินอาหาร คุณแม่จึงควรระมัดระวัง
อย่ากินอาหารที่มีรสเผ็ดมากเกินไป เพราะจะส่งผลให้ลูกรับรสเผ็ดจากน้ำนมแม่
และอาจทำให้ปวดท้องได้เช่นกัน
·
อาหารและเครื่องดื่มที่มีส่วนประกอบของคาเฟอีน เช่น กาแฟ ชา ช็อกโกแลต ฯลฯ เพราะจะส่งผลให้ลูกนอนไม่หลับได้
·
เครื่องดื่มผสมแอลกอฮอล์ทุกชนิด เพราะลูกจะได้รับแอลกอฮอล์ผ่านทางน้ำนมและส่งผลด้านลบต่อสมองได้3
คนไทยเราห้ามคุณแม่หลังคลอดทานอาหารที่มีกลิ่นฉุนและรสจัด
ซึ่งอาจจะ
ทำให้ทารกท้องเสียได้ครับ
การดูแลรักษาความสะอาดของร่างกาย
ควรสระผมสัปดาห์ละ 2-3 ครั้ง อาบน้ำอย่างน้อยวันละ
1 ครั้ง และงดเว้นการอาบแช่น้ำ
ช่วงหลังคลอด
อวัยวะเพศจะมีแผล จึงเสี่ยงต่อการติดเชื้อ
ได้ง่าย ดังนั้นควรล้างมือให้สะอาดก่อนสัมผัสอวัยวะเพศ
ในช่วงที่มีประจำเดือน งดใช้ผ้าอนามัยแบบสอด ควรเปลี่ยนทันทีที่รู้สึกว่าผ้าอนามัยชุ่ม หรือเปลี่ยนทุก 3 ชั่วโมงและควรดึงจากทางด้านหน้าไปด้านหลัง ทั้งหมดเพื่อป้องกันการติดเชื้อภายในช่องคลอดซึ่งอาจเป็นอันตรายได้
เต้านม
ในช่วงหลังคลอดและให้นมลูกเต้านมจะมีขนาดและน้ำหนักเป็น
3เท่า
ของเต้านมปกติ ทำให้เอ็นที่พยุงเต้านมเกิดการยืด ดังนั้นควรสวมยกทรงเพื่อช่วย
พยุงไว้ป้องกันการหย่อนยาน แต่ไม่ควรสวมยกทรงแบบมีโครงเหล็ก เพราะอาจ
จะไปกดทับท่อน้ำนม
การดูแลเต้านมแค่ทำความสะอาดพร้อมการอาบน้ำในแต่ละวันก็เพียงพอ
และ
อย่าลืมล้างมือทุกครั้งก่อนที่
จะจับเต้านมและหัวนม ในการให้นมลูก
การมีประจำเดือน
ในช่วงของการให้ลูกกินนมแม่ อาจมีผลทำให้ไม่มีประจำเดือน
ในช่วง 6 เดือนแรก
แต่สำหรับคนที่ไม่ได้ให้ลูกกินนมแม่ ประจำเดือนอาจจะมา
ตามปกติภายใน
6 สัปดาห์ แต่อย่างไรก็ตามแม้จะไม่มีประจำเดือน แต่ร่างกายก็
พร้อมที่จะตั้งครรภ์ได้ ในช่วงนี้การมีเพศสัมพันธ์ควรได้รับการคุมกำเนิดอย่างถูกวิธี
การมีเพศสัมพันธ์ เพื่อความปลอดภัยและป้องกันการติดเชื้อในโพรงมดลูก
ควรงดมีเพศสัมพันธ์ในช่วง 4-6 สัปดาห์หลังคลอดถ้าหากเลี่ยงไม่ได้
ควรสวม
ถุงยางอนามัยทุกครั้ง ทั้งยังเป็นการป้องกันการตั้งครรภ์ได้อีกด้วย
ควรรับการตรวจร่างกายช่วง 4-6 สัปดาห์หลังคลอดเพื่อตรวจดูการคืนสภาพของปาก
ม ด ลูก แ ล ะอวัยวะภายในอุ้งเชิงกรานและหาความผิดปกติต่างๆ ที่อาจเกิดขึ้นเพื่อป้องกันและแก้ไขแต่ต้น เช่น มะเร็งปากมดลูก พร้อมให้คำแนะนำการปฏิบัติตนด้านต่างๆเช่น การคุมกำเนิด เป็นต้น
การคุมกำเนิด
ภายหลังคลอด ควรเว้นการมีบุตรอย่างน้อย
2 ปี เพื่อมีเวลาดูแลบุตรอย่างมีคุณภาพ รวมทั้งให้ร่างกายและอวัยวะภายในมีช่วงเวลาในการฟื้นฟูอย่างสมบูรณ์เต็มที่
โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วง 4-6 สัปดาห์หลังคลอด ควรมีการ
คุมกำเนิดอย่างเหมาะสม
ซึ่งมีหลายวิธีทั้งแบบชั่วคราวและถาวรให้เลือกสำหรับ
ผู้ชายและผู้หญิง
แบบชั่วคราวสำหรับผู้หญิง ได้แก่ การใช้ยาเม็ดคุมกำเนิด วิธีนี้ผู้ที่ให้ลูกกินนมแม่ ควรปรึกษาแพทย์ หรือเจ้าหน้าที่สาธารณสุข เพราะยาคุมบางชนิดอาจทำให้มีน้ำนม
น้อยลง การกินยาคุมกำเนิดให้ได้ผลต้องกินเป็นประจำและตรงเวลา
แต่สำหรับผู้ที่
ไม่สะดวกในการใช้ยาคุมแบบกิน
การฉีดยาคุมกำเนิดก็นับว่ามีความสะดวกเพราะ
ฉีดเพียงครั้งเดียวสามารถคุมได้ถึง 3 เดือน และไม่ต้องเป็นห่วงว่าจะลืมกินยา
สำหรับผู้ที่ต้องการคุมแบบชั่วคราวแต่มีระยะเวลานานอาจใช้วิธีคุมโดยการใส่
ห่วงอนามัยที่สามารถคุมได้นาน
3-5 ปี หรือจะใช้การฝังยาคุมกำเนิดก็ได้ ซึ่ง
สามารถคุมได้นานถึง 3-5 ปี
ขึ้นอยู่กับชนิดของห่วงอนามัยและ ยาฝังคุมกำเนิด
สำหรับผู้ชาย
การคุมกำเนิดด้วยการสวมถุงยางอนามัย เป็นวิธีที่สะดวก นอกจากจะคุมกำเนิดแล้ว ยังช่วยป้องกันการแพร่เชื้อโรคไปยังผู้หญิง และป้องกันโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ต่างๆเช่น เอดส์ได้ด้วย
อาการผิดปกติที่ต้องกลับมาพบแพทย์
1. มีไข้ และมีอาการอักเสบของอวัยวะอื่นร่วมด้วย
2. ปัสสาวะแสบขัดอาจเกิดจากการติดเชื้อของทางเดินปัสสาวะ เนื่องจากดูแล
ความสะอาดช่องคลอดและอวัยวะสืบพันธุ์ไม่ดีพอ
3. ปวดศีรษะบ่อยและเป็นเวลานานอาจเกิดจากความดันโลหิตสูงพักผ่อนไม่
เพียงพอหรือเครียดจากการคลอด
4. มีเลือดออกทางช่องคลอดส่วนมากจะเกิดจาก
แผลในโพรงมดลูกบริเวณที่รกเกาะเนื่องจากมดลูกหด
รัดตัวไม่ดี หรือมีเศษรกตกค้างในโพรงมดลูก
5. น้ำคาวปลาผิดปกติ สีไม่จางลง จำนวนไม่ลดลง
มีก้อนเลือดออกมาหรือมีกลิ่นเหม็น
6. มดลูกเข้าอู่ช้า หลังคลอด 2 สัปดาห์ไปแล้ว
ยังสามารถคลำพบมดลูกทางหน้าท้อง
7. กรณีผ่าคลอด แผลที่เย็บมีอาการ อักเสบ ปวด
บวม แดง
หากพบอาการเหล่านี้ให้รีบมาพบแพทย์
อย่าไม่สนใจเพราะอาจจะเป็นอันตรายต่อ
ทารกน้อยด้วย
การบริหารร่างกายหลังคลอด
ในภาวะปกติร่างกายคนเราควรออกกำลังกายเพื่อให้ระบบต่างๆ เช่น ปอด หัวใจกล้ามเนื้อ ข้อต่อ
การไหลเวียนของเลือดทำงานได้ดี
สำหรับคนที่เพิ่งคลอดบุตรการออกกำลังกายก็ยังจำเป็นเพื่อให้การขับของเสียต่างๆเช่นน้ำคาวปลาเป็นไปโดยสะดวกการเสริมสร้างและซ่อมแซมกล้ามเนื้อส่วนต่างๆ เช่น ฝีเย็บ กล้ามเนื้อในเชิงกรานกล้ามเนื้อหน้าท้องดีขึ้นอย่างรวดเร็ว
แต่การออกกำลังกายของผู้ที่เพิ่งผ่านการคลอดมีข้อควรปฏิบัติคือผู้ที่คลอดทางช่องคลอดควรพักผ่อนร่างกายอย่างน้อย 6-8ชั่วโมงมาแล้วจึงสามารถออกกำลังกายเบาๆได้
ส่วนผู้ที่ผ่าคลอดควรให้ร่างกายพักผ่อน 3-6วันก่อนและต้องงดการออกกำลังกายแบบหักโหมหรือยกของหนักจนกว่าจะพ้นช่วง 6-8 สัปดาห์ไปแล้วข้อควรระวังอย่างยิ่งคือ ห้ามออกกำลังกายในท่านอนคว่ำเด็ดขาด เพราะอาจทำให้เกิดภาวะลมอุดตันในเลือดได้
ประโยชน์ของการออกกำลังกายหลังคลอด
1. ทำให้น้ำคาวปลาไหลดี
2. ทำให้แผลฝีเย็บหายเร็วขึ้น
3. ทำให้มดลูกมีการบีบตัวและเข้าอู่ได้เร็วขึ้น
4. ทำให้กล้ามเนื้อเอ็นและข้อต่อต่างๆ มีความแข็งแรงและยืดหยุ่นดี
5. ทำให้กล้ามเนื้อที่ช่วยในการหายใจทำงานได้ดีขึ้นปอดขยายตัวดีขึ้นและการทำงานของหัวใจ ดีขึ้น
6. ช่วยกระตุ้นการทำงานของต่อมน้ำนม ทำให้มีน้ำนมออกมาเป็นจำนวนมาก
เพียงพอแก่การเลี้ยงดูบุตร
การออกกำลังกายให้ได้ผลดีควรทำเป็นประจำสม่ำเสมอ อย่างน้อยสัปดาห์ละ3วันวันละประมาณ 30 นาที
1 ความคิดเห็น:
รักษาผมร่วงหลังคลอดวิธี แก้ ผม ร่วง หลัง คลอด
แสดงความคิดเห็น